Press ESC to close

ตกขาวสีเหลืองเกิดจากอะไร? อาการแบบไหนควรระวัง หายเองได้ไหม?

ตกขาวสีเหลือง เป็นหนึ่งในอาการที่ผู้หญิงหลายคนกังวลใจเมื่อพบเห็น โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้รู้สึกคัน หรือไม่ได้มีกลิ่น ก็ยังคงมีคำถามว่า “ตกขาวสีเหลืองเกิดจากอะไร?” และที่สำคัญคือ “หายเองได้ไหม” หรือจำเป็นต้องรักษา บทความนี้จะช่วยคลายข้อสงสัยทั้งหมด พร้อมคำตอบเกี่ยวกับตกขาวแบบต่าง ๆ และสัญญาณที่อาจบ่งบอกถึงภาวะสุขภาพที่คุณควรใส่ใจ

ตกขาวคืออะไร?

ตกขาว (Vaginal Discharge) คือสารคัดหลั่งจากช่องคลอดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีหน้าที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นและสมดุลของจุลินทรีย์ภายในช่องคลอด ซึ่งในช่วงรอบเดือน ตกขาวอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามฮอร์โมน เช่น มีสีขาวใส เหนียวข้น หรือขาวขุ่น

แต่หากตกขาว เปลี่ยนสี กลิ่น หรือปริมาณ อย่างผิดปกติ เช่น สีเหลือง สีเขียว หรือมีกลิ่นแรง อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือโรคบางชนิด

ตกขาวสีเหลืองเกิดจากอะไร?

1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

ในบางช่วงของรอบเดือน ร่างกายอาจผลิตตกขาวที่มีลักษณะขุ่นหรือออกสีเหลืองจางๆ โดยไม่มีอาการผิดปกติร่วม เช่น กลิ่นเหม็น คัน หรือปวดท้อง ถือว่าเป็นอาการปกติและ หายเองได้

2. การติดเชื้อแบคทีเรีย

แบคทีเรียบางชนิดในช่องคลอดเมื่อเสียสมดุล อาจทำให้ตกขาวมีลักษณะสีเหลืองหรือเหลืองปนเขียว และ มีกลิ่นเหม็นคาว ร่วมกับอาการแสบ คัน หรือระคายเคือง

3. การติดเชื้อรา

หากตกขาวเป็นสีเหลืองขุ่น คล้ายครีม หรือจับตัวเป็นก้อน มักเกิดจากเชื้อราจำพวก Candida และมักมีอาการคันร่วมด้วย

4. การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STD)

เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม หรือพยาธิในช่องคลอด ซึ่งอาจมี ตกขาวสีเหลืองเขียว มีกลิ่นแรง ปวดท้องน้อย หรือแสบเวลาปัสสาวะ ร่วมด้วย

ตกขาวสีเหลืองลักษณะต่าง ๆ บอกอะไร?

ลักษณะตกขาวสาเหตุที่เป็นไปได้ต้องรักษาไหม?
เหลืองใส ไม่มีกลิ่น ไม่คันฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็น อาจหายเองได้
เหลืองขุ่น มีกลิ่นแรงติดเชื้อแบคทีเรีย/เชื้อราควรพบแพทย์
เหลืองเขียว คันมากพยาธิในช่องคลอด / STDต้องตรวจและรักษาโดยแพทย์
เหลืองปนเลือดการติดเชื้อรุนแรง / เนื้องอก / ตั้งครรภ์นอกมดลูกพบแพทย์ด่วน

ตกขาวสีเหลือง หายเองได้ไหม?

คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเกิดจากความแปรปรวนของฮอร์โมน และไม่มีอาการอื่นร่วม เช่น ไม่มีกลิ่น ไม่คัน ไม่ปวดท้อง มักสามารถหายเองได้เมื่อฮอร์โมนกลับมาสมดุล

แต่ถ้ามี กลิ่นเหม็น คัน แสบ หรืออาการผิดปกติอื่น ๆ ควรพบแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการของการติดเชื้อที่ต้องใช้ยาเฉพาะทางในการรักษา

ตกขาวสีเหลืองรักษายังไง?

แนวทางการรักษาขึ้นกับสาเหตุที่แท้จริง

  • ติดเชื้อรา: มักใช้ยาเหน็บช่องคลอด หรือยากินกลุ่ม Antifungal เช่น Fluconazole
  • ติดเชื้อแบคทีเรีย: อาจใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น Metronidazole
  • ติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์: ต้องรักษาทั้งสองฝ่าย (คุณและคู่)

❗ คำเตือน: ห้ามซื้อยามาใช้เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้เชื้อดื้อยาได้

ตกขาวสีเหลืองกับการตั้งครรภ์

ผู้หญิงบางคนอาจมี ตกขาวสีเหลืองจาง ๆ ขณะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่ง หากไม่มีอาการคันหรือกลิ่น ถือว่าเป็นอาการปกติ

แต่หากมีตกขาวปริมาณมาก มีกลิ่นเหม็น ปนเลือด หรือคัน ควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อในโพรงมดลูก หรือน้ำเดินก่อนกำหนด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ตกขาวสีเหลือง หายเองได้ไหม?

ถ้าไม่มีอาการคัน แสบ หรือกลิ่นเหม็น อาจหายได้เองใน 2-3 วัน แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายใน 5-7 วัน ควรปรึกษาแพทย์

ตกขาวสีเหลือง มีกลิ่น รักษายังไง?

ต้องตรวจหาสาเหตุ หากเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียหรือพยาธิในช่องคลอด ต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อรา

ตกขาวสีเหลือง กี่วันหาย?

ขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากติดเชื้อและได้รับยาที่เหมาะสม อาการจะดีขึ้นภายใน 5-7 วัน

ตกขาวสีเหลือง รักษายังไง?

ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยก่อน และรับยาตามประเภทของเชื้อ ไม่ควรซื้อยาใช้เอง

ตกขาวสีเหลือง ตั้งครรภ์ไหม?

สีของตกขาวอย่างเดียวไม่สามารถยืนยันการตั้งครรภ์ได้ ต้องตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ (Test Kit) หรืออัลตราซาวด์

สรุป: สังเกตตกขาวให้ดี ก่อนที่สุขภาพจะบอกสัญญาณ

ตกขาวสีเหลืองเป็นอาการที่อาจบ่งชี้ได้หลายสภาวะ ตั้งแต่ความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของฮอร์โมน ไปจนถึงการติดเชื้อรุนแรง การรู้จักสังเกตอาการร่วม เช่น กลิ่น คัน ปวด หรือสีของตกขาว จะช่วยให้คุณแยกแยะได้ว่า “ควรปล่อยไว้ หรือไปพบแพทย์”

ถ้าคุณสงสัย อย่ารอจนสายเกินไป สุขภาพของคุณมีค่า เริ่มต้นจากการฟังสัญญาณของร่างกายวันนี้เลยค่ะ