Press ESC to close

ลูกมีเสมหะ หายใจครืดคราด ไม่มีไข้ – อาการที่พ่อแม่ต้องใส่ใจ

ลูกมีเสมหะ หายใจครืดคราด ไม่มีไข้ เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ขณะนอนหลับ พ่อแม่หลายคนอาจเริ่มกังวลเมื่อได้ยินเสียงครืดคราดจากจมูกหรือลำคอของลูก แม้ว่าลูกจะไม่มีไข้หรืออาการเจ็บป่วยอื่นร่วมด้วย บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักสาเหตุ วิธีสังเกต และวิธีดูแลลูกให้ปลอดภัยจากอาการนี้

หายใจครืดคราด ไม่มีไข้ – อาการนี้คืออะไร?

อาการ เด็กหายใจครืดคราด หรือเสียง “ครืด ๆ” ที่ได้ยินขณะลูกหายใจเข้า-ออก มักเกิดจากเสมหะหรือน้ำมูกที่ค้างอยู่ในโพรงจมูกหรือลำคอ โดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็กที่ระบบทางเดินหายใจยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ทำให้ขับของเหลวออกได้ยากกว่าผู้ใหญ่

แม้ว่าอาการดังกล่าวอาจจะไม่ได้มีไข้ร่วมด้วยเสมอไป แต่อาการนี้อาจทำให้ลูกน้อยหายใจติดขัด นอนหลับไม่สนิท หรือสะดุ้งตื่นกลางดึกจากความอึดอัด ซึ่งอาจส่งผลต่อพัฒนาการด้านการพักผ่อนและอารมณ์ของเด็กในระยะยาว การเข้าใจอาการนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้พ่อแม่สามารถดูแลลูกได้อย่างถูกวิธีและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ทำไมลูกหายใจครืดคราด ทั้งที่ไม่มีไข้? 

อาการ ลูกหายใจครืดคราด โดยไม่มีไข้ เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก และอาจเกิดได้จากหลายปัจจัยที่ไม่ได้รุนแรง แต่ก็ไม่ควรมองข้าม โดยสาเหตุหลัก ๆ มีดังนี้:

  1. มีเสมหะหรือน้ำมูกสะสมในลำคอ

เมื่อน้ำมูกไหลย้อนลงคอ หรือมีเสมหะจากการระคายเคืองทางเดินหายใจ อาจทำให้เกิดเสียงครืดคราดขณะหายใจ

  1. อากาศแห้งเกินไป

การเปิดแอร์ในห้องนอนโดยไม่มีเครื่องเพิ่มความชื้น อาจทำให้เยื่อบุโพรงจมูกแห้ง ระคายเคือง และทำให้ลูกหายใจไม่สะดวก

  1. โพรงจมูกแคบตามวัยของเด็กเล็ก

เด็กเล็กมักมีโพรงจมูกขนาดเล็ก การมีเสมหะเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอให้เกิดการอุดตันและทำให้ ลูกหายใจครืดคราด ได้ชัดเจน

  1. ท่านอนที่ไม่เหมาะสม

หากลูกนอนในท่าศีรษะต่ำเกินไป หรือในลักษณะที่น้ำมูกไม่สามารถไหลออกตามธรรมชาติ เสียงหายใจก็จะยิ่งชัดขึ้น

ลูกหายใจครืดคราดตอนกลางคืน – วิธีแก้ที่พ่อแม่ทำได้ทันที

หาก ลูกหายใจครืดคราดตอนกลางคืน แต่ไม่มีไข้ ถือเป็นอาการที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก และมักทำให้พ่อแม่กังวลใจ โชคดีที่มีหลายวิธีดูแลเบื้องต้นที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ง่าย ๆ ที่บ้าน มาดู วิธีแก้ ที่ปลอดภัยและใช้ได้ผลกันเลย:

  • ปรับท่านอนให้ศีรษะยกสูงเล็กน้อย
    ใช้หมอนรองศีรษะ หรือพับผ้าเช็ดตัววางใต้ที่นอนด้านบน เพื่อให้ศีรษะอยู่สูงกว่าลำตัว ช่วยให้น้ำมูกไม่ไหลย้อนลงคอ และลดเสียงครืดคราดระหว่างนอนหลับ
  • เปิดเครื่องเพิ่มความชื้นในห้อง
    ความชื้นในอากาศช่วยป้องกันเยื่อบุจมูกแห้ง และลดการระคายเคืองที่ทำให้ลูกหายใจมีเสียงผิดปกติ
  • ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือสำหรับเด็ก
    การใช้น้ำเกลือ 0.9% ช่วยล้างสิ่งอุดตัน เช่น เสมหะหรือน้ำมูกออกจากโพรงจมูกได้อย่างอ่อนโยน
  • ดูดน้ำมูกอย่างเบามือและปลอดภัย
    ใช้เครื่องดูดน้ำมูกที่สะอาดและออกแบบสำหรับเด็กเล็ก จะช่วยให้ลูกหายใจโล่งขึ้นและนอนหลับสบายมากขึ้น

วิธีดูแลลูกให้หายใจโล่งขึ้นแบบปลอดภัย

ลูกเป็นหวัด หายใจไม่สะดวก ทำไง? สำหรับพ่อแม่ที่กำลังมองหา วิธีแก้ลูกหายใจไม่ออกตอนกลางคืน ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่อช่วยให้ลูกสบายตัวขึ้น:

  • พาลูกอบไอน้ำอุ่นแบบอ่อนโยน
    ให้ลูกนั่งในห้องน้ำที่มีไอน้ำจากฝักบัวน้ำอุ่น เปิดทิ้งไว้ 5–10 นาที ช่วยให้เสมหะละลายและทางเดินหายใจโล่งขึ้น
  • ดูแลสภาพแวดล้อมให้ปลอดสิ่งกระตุ้น
    หลีกเลี่ยงฝุ่น กลิ่นน้ำหอม สเปรย์ หรือควันต่าง ๆ โดยเฉพาะในห้องนอน เพื่อป้องกันการระคายเคืองเพิ่มเติม
  • ให้ลูกจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ
    น้ำอุ่นช่วยละลายเสมหะ ทำให้ลูกหายใจได้สะดวกและชุ่มคอมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น
    ห้ามให้ยาละลายเสมหะหรือยาขยายหลอดลมโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะอาจไม่เหมาะกับวัยของลูก

อาการแบบไหนต้องพาไปพบแพทย์ทันที?

แม้ว่าอาการ ลูกมีเสมหะ หายใจครืดคราด ไม่มีไข้ มักไม่รุนแรงและสามารถดูแลเบื้องต้นที่บ้านได้ แต่พ่อแม่ไม่ควรมองข้ามสัญญาณอันตรายบางอย่าง หากลูกมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที:

  • หายใจเร็วผิดปกติ หรือสังเกตเห็นหน้าอกบุ๋มเวลาหายใจ
  • มีเสียงหวีดสูง ร่วมกับเสียงครืดคราดขณะหายใจ
  • ริมฝีปากม่วง ตัวเขียว หรือมีภาวะขาดออกซิเจน
  • เบื่ออาหาร นอนซึม หรือร้องไห้โยเยมากผิดปกติ
  • อาการ ไม่ดีขึ้นภายใน 3–5 วัน แม้จะพยายามดูแลเบื้องต้นแล้ว

อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงภาวะทางเดินหายใจที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน หากสงสัย อย่ารอช้า รีบปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการลูกหายใจครืดคราด

หากคุณเป็นพ่อแม่ที่กำลังกังวลเกี่ยวกับอาการ ลูกหายใจครืดคราด บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อไม่มีไข้หรืออาการอื่นร่วมด้วย ลองดูคำถามที่พบบ่อยเหล่านี้เพื่อคลายความกังวล:

Q: ลูกหายใจมีเสียงแต่ไม่มีไข้ อันตรายไหม?
A: อาการ ลูกหายใจครืดคราด โดยไม่มีไข้มักไม่อันตราย หากลูกยังดูดนมได้ดี ร่าเริง และนอนหลับได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

Q: ลูกจำเป็นต้องใช้ยาแก้เสมหะหรือไม่?
A: ไม่ควรให้ยาแก้เสมหะกับเด็กเล็กโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของเด็กได้

Q: เด็กหายใจครืดคราดตลอดเวลา ถือว่าปกติไหม?
A: หากเป็นเพียงช่วงสั้น ๆ และไม่มีอาการอื่นร่วม เช่น ไข้ หายใจลำบาก หรือซึม ถือว่าไม่ผิดปกติ แต่ถ้า ลูกหายใจครืดคราด บ่อย หรือมีเสียงดังผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด

สรุป

อาการ ลูกมีเสมหะ หายใจครืดคราด ไม่มีไข้ เป็นเรื่องที่พ่อแม่หลายคนเผชิญ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ระบบหายใจยังบอบบาง แม้ไม่ใช่อาการร้ายแรง แต่การดูแลที่ถูกวิธีจะช่วยให้ลูกฟื้นตัวเร็วขึ้น หายใจโล่งขึ้น และนอนหลับสบาย

อย่าลืมสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ใช้วิธีดูแลที่ปลอดภัย และหากไม่มั่นใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความอุ่นใจของทั้งลูกและคุณพ่อคุณแม่